ยุค 90’s ยุคทองของดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ช่วงเวลาที่ดนตรีร็อคนอกกระแสขยายสู่ผู้ฟังในวงกว้าง ซึ่งหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของยุคนี้คงหนีไม่พ้นความสำเร็จของเพลง Smells Like Teen Spirit ที่แจ้งเกิดให้กับ Nirvana วงกรันจ์ร็อคระดับตำนาน และส่งพลังให้ผู้คนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง โดยเพลงๆ นี้มีต้นกำเนิดมาจากนักร้องวงพังก์และเฟมินิสต์ตัวแม่ที่ชื่อว่า แคธลีน แฮนนา
แฮนนาคือนักร้องนำของ Riot grrrl วงพังก์ใต้ดินที่มุ่งมั่นในการเรียกร้องสิทธิสตรีอย่างเต็มตัว ตั้งแต่เนื้อหาในเพลงไปจนถึงการแสดงสด จนวงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ “เฟมินิสต์คลื่นลูกที่สาม” ที่มีแนวคิดว่าผู้หญิงทุกคนล้วนมีคุณค่าในตัวเอง ไปจนถึงเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องปัญหาสารพันที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงด้วยกัน เช่น การข่มขืน, ความรุนแรงในครอบครัว หรือ ความไม่เท่าเทียมกันในสังคม เป็นต้น
แม้ในเวลาต่อมาวง Riot grrrl จะยุบวงไป แต่ตัวแฮนนาก็ยังคงทำงานต่อเนื่องในฐานะนักดนตรีพังก์ ทั้งวง Bikini Kill, วง Le Tigre หรืองานเดียวในชื่อ Julie Ruin ที่ทั้งหมดยังคงนำเสนอแนวคิดในการเรียกร้องสิทธิสตรีอย่างเข้มข้น ซึ่งในหนังสารคดี The Punk Singer (2013, ซินิ แอนเดอร์สัน) ได้บันทึกชีวิตของเธอตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงปี 2010 ผ่านฟุตเตจการแสดงสดหาชมยากในอดีต เบื้องหลังในฐานะคนทำแฟนซีน (นิตยสารทำมือสำหรับแฟนคลับ) และรวมกับการให้สัมภาษณ์ของคนในวงการเพลง (ซึ่งเน้นที่ผู้หญิงส่วนใหญ่), นักวิจารณ์, สื่อมวลชนสายเฟมินิสต์ ไปจนถึงสามีของเธอ อดัม ฮาโลวิตซ์ สมาชิกวงฮิปฮอประดับตำนาน Beastie Boys และเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการทำงานเพลงของเธอ รวมไปถึงเป็นกำลังใจสำคัญให้กับแฮนนาต่อสู้กับโรคลายม์ (Lyme disease) ที่เรื้อรังยาวนานจนต้องพักงานในปี 2005
นอกจากการแสดงให้อิทธิพลของแฮนนาที่ส่งต่อมายังศิลปินร็อคหญิง (และชาย) ในเวลาต่อมาแล้ว The Punk Singer คือ 20 ปีในเส้นทางการทำงานของเธอ ตั้งแต่ช่วงที่ทำเพลงพังก์ใต้ดิน จนถึงในเวลาต่อมาที่เธอนำพังก์ร็อคไปผสมผสานแนวเพลงอื่นๆ เพื่อสื่อสารแนวคิดเฟมินิสต์สู่แฟนเพลงในวงกว้างมากขึ้น โดยไม่ลืมที่จะหยอดประเด็นที่หลายคนอยากรู้ นั่นคือมิตรภาพระหว่างตัวแฮนนากับ เคิร์ต โคเบน สมาชิกวง Nirvana ผู้ล่วงลับ จนทำให้สารคดีเรื่องนี้กลายบันทึกหน้าหนึ่งของวงการเพลงร็อคอเมริกัน ที่น้อยครั้งจะถูกเล่าผ่านมุมมองของผู้หญิงอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้