รักการแสดงมาก
โจวเหวินฟะ รัก และซื่อสัตย์ ในอาชีพการเป็นนักแสดงของเขามาก ไม่ว่าจะบทเล็กใหญ่แค่ไหน เขาทุ่มเทเต็มที่เสมอ
เขาเคยฝันถึงการได้รางวัลออสการ์สักครั้งในชีวิตการแสดง เพราะรางวัลนี้คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกที่จะการันตีถึงคุณภาพของนักแสดงผู้ที่ได้รางวัลนี้ไปครอง
โจวเหวินฟะ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาฝีมือในด้ารการแสดงของเขา ครั้งหนึ่งนักข่าวเคยถามว่า 'รู้สึกยินดีไหม ที่ได้เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่จะคอยแนะนำน้องๆ'
โจวเหวินฟะตอบ 'ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่เข้าฉากกับนักแสดงรุ่นใหม่ๆ ผมกลัวที่จะพลาด และมักจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากพวกเขาเสมอ เพราะทุกคนมีความพิเศษที่ต่างกัน'
เกิดมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่
บทบาทที่ โจวเหวินฟะ มักจะได้รับอยู่บ่อยครั้ง มักหนีไม่พ้นบทบาทของ #ผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เจ้าพ่อ, โคตรเซียน, ยอดปรมาจารย์ หรือแม้กระทั่ง เง็กเซียนฮ่องเต้ เขาก็เคยได้รับบทบาทนี้มาแล้ว
โจวเหวินฟะ เคยถูกสัมภาษณ์ 'ถ้าคุณอายุมากขึ้น แล้วได้เล่นเป็นบทคุณลุง คุณปู่ คุณจะรับได้ไหม'
เขาตอบไปว่า 'มันเป็นเรื่องปกติ ที่นักแสดงจะเริ่มจากบทคนหนุ่มในช่วงต้น และไปจบที่บทคนแก่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต'
'แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรับงานแสดงของผม ไม่ใช่ว่าผมได้รับบทเป็นอะไร แต่มันขึ้นอยู่กับว่าผมชอบบทนั้นแค่ไหน'
เคยจนมาก่อน
แม้วันนี้ โจวเหวินฟะ จะโด่งดัง และมีชื่อเสียงมากมายไปทั่วโลก แต่ในอดีตเขากลับมีชีวิตที่แสนยากลำบาก
เขาเกิดและเติบโตมาที่เกาะลัมมา ที่ถือว่าเป็นย่านชนบทในฮ่องกง แม่ของเขาต้องทำงานหนักหลายอย่างในการเลี้ยงดูเขา ตั้งแต่งานทำความสะอาด จนถึงขายของเพียงเล็กน้อย
โจวเหวินฟะ ยังจดจำความยากลำบากของครอบครัวในครั้งสมัยยังเด็กได้เป็นอย่างดี และยังสำนึกในบุญคุณของแม่อยู่เสมอแม้เขาจะมีชื่อเสียงหรือร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม
'ใครที่ไม่รักแม่ผม ก็ไม่สมควรได้รับความรักจากผม'
เป็นคนติดดิน
แม้จะเป็นนักแสดงระดับซุปเปอร์สจาร์ โจวเหวินฟะ ก็ไม่เคยใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย อาจเป็นเพราะเขารู้จักคุณค่าของเงินดีที่สุด ในช่วงเวลาที่ยากไร้ในวันก่อน
จากในรูปหลายคนอาจสงสัย ว่าทำไมดาราดังอย่างเขาต้องมายืนบนรถไฟฟ้าที่แออัดแบบนี้ ทำไมไม่จ้างคนขับรถมาคอยรับส่งเหมือนดาราดังคนอื่น
โจวเหวินฟะเคยพูดถึงกรณีนี้ให้ฟังว่า 'ถ้าผมต้องจ้างคนขับรถ ผมสะดวกแต่ก็ไม่รู้สึกสบาย เหมือนต้องให้ใครคนหนึ่งมาคอยผมทั้งวัน จะไปไหนเขาก็คอยเรา ผมรู้สึกเกรงใจเขา'
'ผู้คนตามรถไฟฟ้าต่างก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่มีใครสังเกตผมด้วยซ้ำ เป็นส่วนตัวกว่าเยอะเลย'
ให้กำเนิด 'หลิวเต๋อหัว'
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า หลิวเต๋อหัว ได้เริ่มต้นบทพระเอกภาพยนตร์เพราะ โจวเหวินฟะ เป็นคนแนะนำกับผู้กำกับให้
ในครั้งนั้น โจวเวินฟะ ได้ปฏิเสธบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง "Boat People” เพราะกลัวเสียตลาดฝั่งไต้หวัน จึงแนะนำผู้กำกับให้ลองดู หลิวเต๋อหัว ที่ตอนนั้นยังเป็นแค่นักแสดงตัวประกอบมาเล่นแทน
เมื่อ หลิวเต๋อหัว ทราบข่าว เขาก็วิตกกังวลว่าถ้าเขารับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาก็กลัวเสียตลาดฝั่งไต้หวันแบบที่ โจวเหวินฟะ ต้องปฏิเสธภาพยนตร์เรื่องนี้ไป วันรุ่งขึ้นเขาจึงรีบติดต่อ โจวเหวินฟะ เพื่อปรึกษาปัญหานี้
โจวเหวินฟะ ซึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์ในเวลานั้น ยอมรับนัด หลิวเต๋อหัว เพื่อมาปรึกษาปัญหาการแสดงบทพระเอกในภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งแรกที่กองถ่าย แล้วก็มีประโยคหนึ่ง ที่โจวเหวินฟะ ได้กล่าวกับหลิวเต๋อหัว จนเขาต้องรีบตอบตกลงเพื่อรับบทพระเอกภาพยนตร์ครั้งแรกจากเรื่อง Boat People
โจวเหวินฟะ กล่าวว่า 'คุณมีตลาดไต้หวันที่ไหนกัน'
'ถ้าคุณไม่รับเล่นหนังเรื่องนี้อย่าว่าแต่ตลาดไต้หวันเลย ตลาดหนังฮ่องกงคุณยังไม่มีด้วยซ้ำ นี่คือโอกาสสำคัญในชีวิตของคุณ จงคว้าเอาไว้'
ข้ามีชื่อว่า 'โจวเหวินฟะ'
หลี่ เสี่ยวหลง ต้องเป็น Bruce Lee
เฉินหลง ต้องเป็น Jackie Chan
หลี่เหลียนเจี๋ย ต้องเป็น Jet Li
เจิน จื่อตัน ต้องเป็น Donnie Yen
แต่สำหรับ โจวเหวินฟะ ถึงแม้ต้องเล่นหนัง ฮอลลีวูดกี่เรื่อง เขาก็ยังใช้ชื่อว่า 'Chow Yun Fat' เหมือนเดิม เป็นซุปเปอร์สตาร์ฮ่องกงเพียงคนเดียวที่โกอินเตอร์ฮอลลีวูดแล้วทุกคนจดจำชื่อจริงของเขาได้ !
เคยเล่นหนังไทย
เมื่อปี พ.ศ.2526 โจวเหวินฟะ ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่อง 'กตัญญูประกาศิต' ของผู้กำกับ แจ๊สสยาม ผู้กำกับระดับยอดฝีมือของไทยในเวลานั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีนักแสดงชื่อดังของไทยอย่าง เกรียงไกร อุณหะนันท์, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, สินจัย หงษ์ไทย, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, อโนเชาว์ ยอดบุตร ร่วมแสดงด้วย
เล่นได้ดีทุกบทบาท
โจวเหวินฟะ นักแสดงจากฮ่องกงที่โด่งดังด้วยฝีมือการแสดงอย่างแท้จริง แตกต่างจากนักแสดงท่านอื่นที่อุดมไปด้วยลีลาศิลปะการต่อสู้อันเอกอุ
เขาเล่นได้ทั้งบทคนดี บทคนร้าย หรือแม้กระทั่งบทคนบ้า โจวเหวินฟะ ก็สามารถแสดงได้สมบทบาท และทำให้ผู้ชมอินตามตัวละครที่เขาแสดงอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น
โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง 'God of Gamblers คนตัดคน' ที่เขาต้องรับบทเป็นทั้งโคตรเซียน และคนบ้า ในเรื่องเดียว ซึ่งหลายคนได้เริ่มรู้จัก และชื่นชอบ โจวเหวินฟะ จากภาพยนตร์เรื่องนี้
ไม่ชอบการพนัน
จริงๆจะใช้คำว่า 'เกลียดการพนัน' ก็คงไม่เกินไปนัก เพราะในวัยเด็ก โจวเหวินฟะ เคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับการพนันที่เขาไม่เคยลืม
'ในวัยเด็กพ่อของผมติดการพนันมาก ครั้งหนึ่งแม่เคยไปบริษัทพ่อเพื่อรับเงินเดือน แต่ได้กลับมาเพียงน้ำมันถั่วเหลืองขวดเดียว เพราะพ่อเสียการพนันจนหมด'
แม้ โจวเหวินฟะ จะได้รับบทเซียนพนันจนโด่งดัง แต่ในชีวิตจริงเขาไม่เคยยุ่งกับการพนันเลย
'ผมเป็นได้แค่โคตรเซียนจอมปลอมเท่านั้น'
เป็นคนใจบุญมาก
ตลอดชีวิตของ โจวเหวินฟะ เขาแทบไม่เคยเว้นว่างจากการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม แม้จะเป็นนักแสดงผู้โด่งดัง มีชื่อเสียงเงินทองมากมาย แต่เขาไม่เคยเอาเงินเหล่านั้นมาใช้ฟุ่มเฟือยเพื่อปรนเปรอตัวเอง
มีครั้งหนึ่งที่แคมเปญ Ice Bucket Challenge โด่งดังไปทั่วโลก โจวเหวินฟะ เป็นคนหนึ่งที่ถูกท้าให้สาดน้ำ แต่เขาก็บอกปัดไปที่จะเอาน้ำมาราดตัว เพราะมันเป็นการเปลืองน้ำ โดยเขาเลือกที่จะบริจาคเงินเพียงอย่างเดียว
ล่าสุดเขาได้ทำพินัยกรรม ยกสมบัติของตนเองที่หามาทั้งชีวิตกว่า 5,000 ล้านบาท (99% จากทรัพย์สินทั้งหมด) เพื่อมอบให้มูลนิธิการกุศล ในวันที่เขาต้องลาโลกใบนี้
'เงินทองไม่ได้เป็นของผมตลอดไป ถึงเวลาผมก็ต้องคืนให้กับสังคมที่มอบทุกสิ่งให้กับผม'
